โมโตโรลา (Motorola) ที่ปัจจุบันอยุ่ภายใต้ปีกของกูเกิ้ล (Google) ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนเวอร์ชันใหม่ โดยเฉพาะ Motorola Razr i ที่ไม่เพียงแต่จะโดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าจอแบบขอบชนขอบ และแบตเตอรี่ทีใชได้นานเท่านั้น แต่มันยังมาพร้อมกับโพรเซสเซอร์ใหม่ของ Intel ทีทำงานด้วยความเร็ว 2GHz และได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ
Motorola Razr i เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้โพรเซสเซอร์ Atom Z2460 ความเร็ว 2GHz (รุ่นก่อนหน้านี้ใช้ Atom ที่เร็วแค่ 1.6GHz) คล็อกที่เร็วขึ้นจะทำให้ท่องเว็บได้ไหลลื่นขึ้น และสมรรถนะวิดีโอที่ดีขึ้น ส่วนระบบปฎิบัติการที่ใช้จะเป็น Android 4.0 ICS สามารถอัพเกรดเป็น 4.1 Jelly Bean ได้ สำหรับหน้าจอของ Motorola Razr i จะมีขนาด 4.3 นิ้ว และความละเอียด 960 x 540 พิกเซล และกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องของ Razr i จะเริ่มต้นใน 1 วินาที แถมยังมีปุ่มใช้งานเฉพาะสำหรับการถ่ายรูป แบตเตอรี่ทีใช้ขนาด 2,000 mAh พร้อมด้วยเทคโนโลยี NFC ตัวเครื่องกันน้ำกันฝนได้เป็นอย่างดี Razr i จะวางตลาดในประเทศฝั่งยุโรปตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศษ เยอรมัน อาร์เจนตินา บราซิล และเม็กซิโก ส่วนในสหรัฐฯ เองยังไม่มีแผนที่จะประกาศเปิดตัว สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้จะเป็นความร่วมมือระหว่างอินเทล กับโมโตโรลาที่มีการประกาศความร่วมมือตั้งแต่เดือนมกราคม และถือเป็นก้าวสำคัญของอินเทล เนื่องจากมันเป็นการชยายตลาดใหม่ไปสู่โมบายที่กำลังเป็นดาวรุ่ง ในขณะที่ตลาดพีซีกำลังหดตัว ซึ่งอินเทลเดิมพันครั้งนี้ เพื่อต่อกรกับผู้ผลิตชิปคู่แข่งหมายเลขหนึงอย่าง ARM ที่มีชิปเซ็ตที่ใช้ในสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตมากที่สุดในตลาด โดย ARM เคยกล่าว่ว่า ไม่รู้สึกกังวลต่อการตัดสินใจของ Intel ในการเข้าสู่ตลาดโมบาย
ซีอีโอของ ARM กล่าวว่า เขาประเมินความสามารถของอินเทลในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดที่อาจทำได้ถึง 10% แต่ก็ต้องใช้เวลา 2 ถึง 4 ปี และไม่่คิดว่า Intel จะสามารถเติบโตในตลาดชิปโมบายได้มากกว่านี้่ อย่างไรก็ตาม Intel จะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจด้วยชิปโมบายได้ เนื่องจากบริษัททำรายได้ในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่คาด เหตุเพราะการหดตัวของตลาดพีซี แต่กระนั้น Intel ก็หวังว่า การเปิดตัว Windows 8 ที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับพีซี และยอดขายพีซีอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันอาจจะเป็นความคาดหวังที่สูงเกินไปอยู่ดี เนื่องจากผลการสำรวจความต้องการของผู้บริโภคในสหรัฐฯ พบว่า องค์กรธุรกิจจะยังคงไม่ซื้่อวินโดวส์พีซีเครื่องใหม่จนกว่าพวกเขาจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระบบการทำงานของ Windows 8 มากกว่านี้ นอกจากนี้ ยังมีกระแสตลาด"แท็บเล็ต"ที่จะเติบโตมากขึ้น ซึ่งแน่นอนมันจะเฉือนตลาดพีซีที่อินเทลกอบโกยเม็ดเงินจากชิปที่ใช้ในพีซีเหล่านี้ ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามกันต่อไปด้วยว่า Surface ของไมโครซอฟท์จะช่วยปลุกตลาดพีซี และชิป Intel ให้กลับดีขึ้นได้สักแค่ไหน?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น